วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สรุปการปฏิบัติงานสัปดาห์ที่ 4 (วันที่ 23 พ.ย. 2552 - 28 พ.ย. 2552)

บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด แผนกบริการ
สิ่งที่ได้จากการฝึกประสบการณ์ : ในการตรวจเช็คเลขที่เอกสารหรือในการเรียงเลขที่เอกสารทำให้เรามีสติมากขึ้นและมีสมาธิเพราะเอกสารสำเนาชุดใบสั่งซ่อมรถยนต์ และใบกำกับภาษีมีจำนวนมากในแต่ละวันเราต้องตรวจสอบและดูอย่างรอบรอบและตัวสำเนาชุดใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีที่เป็นตัว Copy ที่แนบมาด้วยกันจะต้องเก็บรักษาให้ดีเพราะถ้าตกหล่น หาย หรือหาไม่เจอ ก็จะต้องรับผิดชอบใบละ 1,000 บาท ทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นดูแล้วอาจจะเป็นงานที่ง่าย แต่เอกสารในแต่ละวันมีจำนวนไม่น้อยประมาณ 500-1,000 ชุด และต้องนำมาจัดเรียงใหม่ทั้งหมดโดยเรียงจากเลขที่เอกสารจากมากไปหาน้อยและทำการตรวจเช้คว่าเลขที่นี้มีหรือไม่มีและถ้าไม่มีก้เขียนหมายเหตุไว้ ว่าเพราะอะไรโดยดูจากใบรายงานหรือใบอ้างอิง
ปัญหา : เอกสารมีจำนวนที่มากในการเรียงเลขที่เอกสารจะทำให้สับสนและเรียงผิดหรือสลับเลขที่กันได้และทำให้เกิดความล่าช้าและในการเรียงเลขที่ JOB หรือเลขที่เอกสารชุดใบสั่งซ่อมจะต้องทำให้เสร็จก่อนเที่ยงเนื่องจากจะต้องส่งเพื่อที่จะเอาไปตรวจ
วิธีแก้ไขปัญหา : เมื่อเราเรียงเลขที่เอกสารเสร็จเราก็ต้องตรวจทานอีกหนึ่งรอบเพื่อความแน่ใจและเมื่อเราได้ JOB มาเราก็ต้องรีบแกะเอกสารและและนำมาเรียงเลขที่เอกสารเพื่อให้ทันกับเวลาโดยไม่เล่นไม่คุยกันระหว่างทำงาน ในการทำงานแต่ละครั้งจะต้องมีสติ สมาธิ และมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สรุปการปฏิบัติงานสัปดาห์ที่ 3 (วันที่ 16 พ.ย. 2552 - 21 พ.ย. 2552)

บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด แผนกบริการ

สิ่งที่ได้จากการฝึกประสบการณ์ : การทำงานในสัปดาห์ที่3 เริ่มดีกว่าสัปดาห์แรก ๆ เริ่มมีความคุ้นเคยสามารถที่จะเข้าหาพี่ๆได้ทุกคน และสามารถแก้ไขข้อมูลของลูกค้าในฐานข้อมูล โดยการใส่รหัสลูกค้า เช่น เข้าไปเปลี่ยนชื่อลูกค้า แก้ไขเบอร์โทรของลูกค้าให้ถูกต้อง ตามสำเนาใบกำกับภาษีพี่ๆจะเรียกวิธีนี้ว่าการกลับรหัส และสามารถที่จะเข้าไปสอบถามข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลรถยนต์ในฐานข้อมูลของบริษัท และรู้วิธีการตรวจเช็คทะเบียนรถในการส่งมอบรถยนต์ของลูกค้าที่นำเข้ามาซ่อมหรือเช็คระยะตามกิโลเมตร

ปัญหา: ในการเข้าไปในโปรแกรมหรือฐานข้อมูลในการทำงานซึ่งเรายังไม่คล่องไม่ค่อยรู้รายละเอียดของโปรแกรมมากนักบางที่เรากดปุ่มผิดโปรแกรมมันก็ไม่สามารถที่จะกดหรือทำงานอะไรได้เลย และในการแก้ไขข้อมูลลูกค้าซึ่งเราจะต้องดูรหัสลูกค้าให้ดี ๆ เพราะสำเนาใบกำกับภาษีเป็นใบ Copy จะไม่ค่อยชัด เมื่อถ้าเรากดรหัสผิดหรือพิมพ์ชื่อลูกค้าผิดจะทำให้เราเสียเวลาในการพิมพ์รหัสลูกค้าเข้าไปใหม่

วิธีการแก้ปัญหา: ในการทำงานในโปรแกรมเราไม่ควรรีบเกินไปเพราะจะทำให้เรากดผิดและเมื่อกดผิดาโปรแกรมก็ไมสามารถทำอะไรได้เลยจึงต้องถามพี่ๆ และพี่ๆก็จะสอนวีธีเมื่อเวลาโปรแกรมไม่ทำงาน ในการกลับรหัสลูกค้าเมื่อพิมพ์ชื่อหรือรหัสลูกค้าเข้าไปแล้วก็ควรจะทำการตรวจสอบหรือตรวจดูรหัสหรือชื่อลูกค้าในสำเนาใบกำกับภาษี ถ้าสำเนาใบกำกับภาษีไม่ชัดเพื่อความแน่ใจก็จะถามพี่ที่อยู่แถวนั้นเพื่อที่เราจะได้ไม่เสียเวลากลับมาแก้ไขเมื่อพิมพ์ผิด

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สรุปการปฏิบัติงานสัปดาห์ที่ 2 (วันที่ 9 พ.ย. 2552 - 14 พ.ย. 2552)

บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด แผนกบริการ
สิ่งที่ได้จากการฝึกประสบการณ์ :
ในสัปดาห์ที่ 2 ทำให้เรารู้กระบวนการทำงานเพิ่มมากขึ้นจากตอนแรกที่เราไม่รู้อะไรเลยและรู้ว่าเอกสารบางส่วนควรเก็บไว้ตรงไหนบ้างในการหยิบจับเอกสารหรือการเดินเอกสาร การใช้อุปกรณ์สำนักงานก็คล่องมากขึ้น และได้ใช้โปรแกรมพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น เช่น Word, Excel เป็นต้น สิ่งสำคัญคือทำให้เรารู้ว่าทุกวันเวลา ทุกนาที มีค่ามากไม่ควรปล่อยเวลาให้ว่างป่าวโดยไม่ทำอะไรเลยถ้าเราปล่อยเวลาโดยไร้จุดหมายจะทำไห้เราพลาดโอกาศดี ๆ ไป

ปัญหา : ในการทำงานโปรแกรม Microsoft Word, Excel เครื่องมือบางอย่างเราอาจไม่ค่อยได้ใช้จึงทำให้เราลืมไปบ้างเวลาทำงานจึงอาจจะช้าไปบ้าง

วีธีการแก้ปัญหา : หาคู่มือมาอ่านหรือฝึกปัฏิบัติทบทวนเวลาว่าง ๆ หรือกลับจาก Office จะทำให้เราทำงานได้คล่องมากขึ้น

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิชา การฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 3 (3504804)

สรุปการปฏิบัติงานสัปดาห์ที่ 1 (วันที่ 2 พ.ย. 2552 - 7 พ.ย. 2552)
บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด แผนกบริการ

สิ่งที่ได้จากการฝึกประสบการณ์ : ในสัปดาห์แรกที่ได้เข้าไปฝึกงานมีการปรับ

ตัวให้เข้ากับคนในองค์กรทำให้เราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความ

สุข ได้เรียนรู้วัฒนธรรมภายในองค์กรการทำงานที่เป็นระบบมีการประสานงาน

ร่วมกันของแต่คนแต่ละแผนก มีการนำความรู้ที่ได้เรียนมาประยุกต์ใช้ใน

การทำงาน และได้รับความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น และได้เรียนรู้ในเรื่องของการ

ใช้อุปกรณ์ในสำนักงานที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการทำงาน เช่น

การรับส่งFAX การใช้เครื่องถ่ายเอกสาร การรับโทรศัพท์ การใช้พิมพ์ดีดไฟฟ้า

การเดินเอกสาร ฯลฯ และได้รู้จักกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ภายในองค์กร


ปัญหา : ในการที่เข้าไปฝึกงานวันแรกซึ่งเราไม่รูจักกับใครเลยและไม่คุ้นเคย

กับสถานที่ที่เราไปฝึกงานเวลาทำงานจึงทำให้ไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยจึงรู้สึก

อึดอัดและค่อนข้างมีอาการเกร่งนิดหน่อย

การแก้ปัญหา : ก็เริ่มจากเข้าหาการทำความรู้จักมีการพูดคุยกับพี่ ๆ ที่อยู่

ภายในองค์กร รู้จักมีสัมมาคารวะไปลามาไหว้ ตั้งใจทำงานตามที่ได้รับ

มอบหมายเมื่อมีปัญหาหรือข้อสงสัยที่ไม่เข้าใจก็ถามพี่ ๆ

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

แรม




RAM ย่อมาจากคำว่า Random-Access Memory เป็นหน่วยความจำของระบบ มีหน้าที่รับข้อมูลเพื่อส่งไปให้ CPU ประมวลผลจะต้องมีไฟเข้า Module ของ RAM ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็น chip ที่เป็น IC ตัวเล็กๆ ถูก pack อยู่บนแผงวงจร หรือ Circuit Board เป็น module เทคโนโลยีของหน่วยความจำมีหลักการที่แตกแยกกันอย่างชัดเจน 2 เทคโนโลยี คือหน่วยความจำแบบ DDR หรือ Double Data Rate (DDR-SDRAM, DDR-SGRAM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากเทคโนโลยีของหน่วยความจำแบบ SDRAM และ SGRAM และอีกหนึ่งคือหน่วยความจำแบบ Rambus ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่มีแนวคิดบางส่วนต่างออกไปจากแบบอื่น SDRAM

อาจจะกล่าวได้ว่า SDRAM (Synchronous Dynamic Random Access Memory) นั้นเป็น Memory ที่เป็นเทคโนโลยีเก่าไปเสียแล้วสำหรับยุคปัจจุบัน เพราะเป็นการทำงานในช่วง Clock ขาขึ้นเท่านั้น นั้นก็คือ ใน1 รอบสัญญาณนาฬิกา จะทำงาน 1 ครั้ง ใช้ Module แบบ SIMM หรือ Single In-line Memory Module โดยที่ Module ชนิดนี้ จะรองรับ datapath 32 bit โดยทั้งสองด้านของ circuiteboardจะให้สัญญาณเดียวกัน หน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM นี้พัฒนามาจากหน่วยความจำแบบ SDRAM เอเอ็มดีได้ทำการพัฒนาชิปเซตเองและให้บริษัทผู้ผลิตชิปเซตรายใหญ่อย่าง VIA, SiS และ ALi เป็นผู้พัฒนาชิปเซตให้ ปัจจุบันซีพียูของเอเอ็มดีนั้นมีประสิทธิภาพโดยรวมสูงแต่ยังคงมีปัญหาเรื่องความเสถียรอยู่บ้าง แต่ต่อมาเอเอ็มดีหันมาสนใจกับชิปเซตสำหรับซีพียูมากขึ้น ขณะที่ทางเอเอ็มดีพัฒนาชิปเซตเลือกให้ชิปเซต AMD 760 สนับสนุนการทำงานร่วมกับหน่วยความจำแบบ DDR เพราะหน่วยความจำแบบ DDR นี้ จัดเป็นเทคโนโลยีเปิดที่เกิดจากการร่วมมือกันพัฒนาของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเอเอ็มดี, ไมครอน, ซัมซุง, VIA, Infineon, ATi, NVIDIA รวมถึงบริษัทผู้ผลิตรายย่อยๆ อีกหลายDDR-SDRAM เป็นหน่วยความจำที่มีบทบาทสำคัญบนการ์ดแสดงผล 3 มิติ ทางบริษัท nVidia ได้ผลิต GeForce ใช้คู่กับหน่วยความจำแบบ SDRAM แต่เกิดปัญหาคอขวดของหน่วยความจำในการส่งถ่ายข้อมูลทำให้ทาง nVidia หาเทคโนโลยีของหน่วยความจำใหม่มาทดแทนหน่วยความจำแบบ SDRAM โดยเปลี่ยนเป็นหน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM การเปิดตัวของ GeForce ทำให้ได้พบกับ GPU ตัวแรกแล้ว และทำให้ได้รู้จักกับหน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM เป็นครั้งแรกด้วย การที่ DDR-SDRAM สามารถเข้ามาแก้ปัญหาคอคอดของหน่วยความจำบนการ์ดแสดงผลได้ ส่งผลให้ DDR-SDRAM กลายมาเป็นมาตรฐานของหน่วยความจำที่ใช้กันบนการ์ด 3 มิติ ใช้ Module DIMM หรือ Dual In-line Memory Module โดย Module นี้เพิ่งจะกำเนิดมาไม่นานนัก มี datapath ถึง 64 bit โดยทั้งสองด้านของ circuite board จะให้สัญญาณที่ต่างกัน

Rambus นั้นทางอินเทลเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนหลักมาตั้งแต่แรกแล้ว Rambus ยังมีพันธมิตรอีกเช่น คอมแพค, เอชพี, เนชันแนล เซมิคอนดักเตอร์, เอเซอร์ แลบอเรทอรีส์ ปัจจุบัน Rambus ถูกเรียกว่า RDRAM หรือ Rambus DRAM ซึ่งออกมาทั้งหมด 3 รุ่นคือ Base RDRAM, Concurrent RDRAM และ Direct RDRAM RDRAM แตกต่างไปจาก SDRAM เรื่องการออกแบบอินเทอร์-เฟซของหน่วยความจำ Rambus ใช้วิธีการจัด address การจัดเก็บและรับข้อมูลในแบบเดิม ในส่วนการปรับปรุงโอนย้ายถ่ายข้อมูล ระหว่าง RDRAM ไปยังชิปเซตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีอัตราการส่งข้อมูลเป็น 4 เท่าของความเร็ว FSB ของตัว RAM คือ มี 4 ทิศทางในการรับส่งข้อมูล เช่น RAM มีความเร็ว BUS = 100 MHz คูณกับ 4 pipline จะเท่ากับ 400 MHz วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนถ่ายข้อมูลของ RDRAM นั้นก็คือ จะใช้อินเทอร์เฟซเล็ก ๆ ที่เรียกว่า Rambus Interface ซึ่งจะมีอยู่ที่ปลายทางทั้ง 2 ด้าน คือทั้งในตัวชิป RDRAM เอง และในตัวควบคุมหน่วยความจำ (Memory controller อยู่ในชิปเซต) เป็นตัวช่วยเพิ่มแบนด์วิดธ์ให้ โดย Rambus Interface นี้จะทำให้ RDRAM สามารถขนถ่ายข้อมูลได้สูงถึง 400 MHz DDR หรือ 800 เมกะเฮิรตซ์ เลยทีเดียว แต่การที่มีความสามารถในการขนถ่ายข้อมูลสูง ก็เป็นผลร้ายเหมือนกัน เพราะทำให้มีความจำเป็นต้องมี Data path หรือทางผ่านข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรองรับปริมาณการขนถ่ายข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้ขนาดของ die บนตัวหน่วยความจำต้องกว้างขึ้น และก็ทำให้ต้นทุนของหน่วยความจำแบบ Rambus นี้ สูงขึ้นและแม้ว่า RDRAM จะมีการทำงานที่ 800 เมกะเฮิรตซ์ แต่เนื่องจากโครงสร้างของมันจะเป็นแบบ 16 บิต (2 ไบต์) ทำให้แบนด์วิดธ์ของหน่วยความจำชนิดนี้ มีค่าสูงสุดอยู่ที่ 1.6กิกะไบต์ต่อวินาทีเท่านั้น(2x800=1600)ซึ่งก็เทียบเท่ากับPC1600ของหน่วยความจำแบบDDR-SDRAM การเรียกชื่อRAM Rambus ซึ่งใช้เรียกชื่อรุ่นหน่วยความจำของตัวเองว่า PC600, PC700 และ ทำให้ DDR-SDRAM เปลี่ยนวิธีการเรียกชื่อหน่วยความจำไปเช่นกัน คือแทนที่จะเรียกตามความถี่ของหน่วยความจำว่าเป็น PC200 (PC100 DDR) หรือ PC266 (PC133 DDR) กลับเปลี่ยนเป็น PC1600 และ PC2100 ซึ่งชื่อนี้ก็มีที่มาจากอัตราการขนถ่ายข้อมูลสูงสุดที่หน่วยความจำรุ่นนั้นสามารถทำได้ ถ้าจะเปรียบเทียบกับหน่วยความจำแบบ SDRAM แล้ว PC1600 ก็คือ PC100 MHz DDR และ PC2100 ก็คือ PC133 MHz DDR เพราะหน่วยความจำที่มีบัส 64 บิต หรือ 8 ไบต์ และมีอัตราการขนถ่ายข้อมูล 1600 เมกะไบต์ต่อวินาที ก็จะต้องมีความถี่อยู่ที่ 200 เมกะเฮิรตซ์ (8 x 200 = 1600) หรือถ้ามีแบนด์วิดธ์ที่ 2100 เมกะไบต์ต่อวินาที ก็ต้องมีความถี่อยู่ที่ 266 เมกะเฮิรตซ์(8x266=2100)

อนาคตของRAM บริษัทผู้ผลิตชิปเซตส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสนใจกับหน่วยความจำแบบ DDR กันมากขึ้น อย่างเช่น VIA ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปเซตรายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ก็เริ่มผลิตชิปเซตอย่าง VIA Apollo KT266 และ VIA Apollo KT133a ซึ่งเป็นชิปเซตสำหรับซีพียูในตระกูลแอธลอน และดูรอน (Socket A) รวมถึงกำหนดให้ VIA Apolle Pro 266 ซึ่งเป็นชิปเซตสำหรับเซลเลอรอน และเพนเทียม (Slot1, Socket 370) หันมาสนับสนุนการทำงานร่วมกับหน่วยความจำแบบ DDR-SDRAM แทนที่จะเป็น RDRAMแนวโน้มที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดของทั้ง DDR II กับ RDRAM เวอร์ชันต่อไป เทคโนโลยี quard pump คือการอัดรอบเพิ่มเข้าไปเป็น 4 เท่า เหมือนกับในกรณีของ AGP ซึ่งนั่นจะทำให้ DDR II และ RDRAM เวอร์ชันต่อไป มีแบนด์-วิดธ์ที่สูงขึ้นกว่างปัจจุบันอีก 2 เท่า ในส่วนของ RDRAM นั้น การเพิ่มจำนวนสล็อตในหนึ่ง channel ก็น่าจะเป็นหนทางการพัฒนาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งนั่นก็จะเป็นการเพิ่มแบนด์วิดธ์ของหน่วยความจำขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเช่นกัน และทั้งหมดที่ว่ามานั้น คงจะพอรับประกันได้ว่า การต่อสู้ระหว่าง DDR และ Rambus คงยังไม่จบลงง่าย ๆ และหน่วยความจำแบบ DDR ยังไม่ได้เป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาด

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ประวัติส่วนตัว










ชื่อ นางสาววันวิสาข์ เสือสวี ชื่อเล่น ส้ม
อายุ 20 เกิดวันจันทร์ ที่ 30 พฤษภาคม 2531
กำลังศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาการจัดการ
โปรแกรมบริหารธุรกิจ แขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
รหัสนักศึกษา 49132792024
e-mailอิสระ s_jusmin@hotmail.com
ที่อยู่ปัจจุบัน
998/170 หมู่บ้านวิเศษสุขนคร ซอย ประชาอุทิศ 79
ถนน ประชาอุทิศ 79 แขวง ทุ่งครุ เขต ทุ่งครุ
กรุงเทพ 10140 อาศัยอยู่กับน้า
บิดาชื่อ นายนิยุตต์ เสือสวี อายุ 55
มารดาชื่อ นางกาหลง ประมาณ อายุ 49
มีพี่น้อง 4 คน เป็นพี่คนโต
1.นางสาววันวิสาข์ เสือสวี
2.นายชาคริต เสือสวี
3.ด.ญ. รักษ์สุดา เสือสวื
4.ด.ญ. นารีรัตน์ เสือสวี
นิสัยส่วนตัว
ร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มสัยไม่ทำใครก่อน ใครร้ายมาก็ร้ายกลับ
สีที่ชอบ ชมพู
อาหารที่ชอบ ข้าวมันไก่
ผลไม้ที่ชอบ ทุเรียน
วิชาที่ชอบเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
วิชาที่ไม่ชอบเกี่ยวกับการคำนวณ
คติประจำใจ ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน





วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วิธีดูแล "โน้ตบุ๊ก" คู่ใจ ให้อยู่ข้างกายไปนาน...นาน




ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก หรือของใช้อะไรก็ตาม จำเป็นที่เราจะต้องทำความรู้จักสิ่งนั้นให้มากที่สุดเพื่อที่จะได้เรียนรู้และเข้าใจถึงจุดเด่น ศักยภาพ ความสามารถและข้อจำกัด รวมไปถึงจุดอ่อนที่พึงระวัง

"ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับนี้ขอนำข้อมูลจากบทความ "รอบทิศไอที" ของ สุรพงษ์ เกียรติพงสา คณะ

เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) มานำเสนอเกี่ยวกับวิธีการดูแล

โน้ตบุ๊ก เพื่อให้มีอายุการใช้งานไปนาน และคุ้มค่าการลงทุน เช่นต้องดูว่าโน้ตบุ๊กที่ใช้อยู่นั้นทำมาจากวัสดุ

แบบไหน แข็งแรงหรือเปราะบางแค่ไหน ถ้าเกิดมีปัญหาที่ตัววัสดุแต่ละชิ้นจะมีอะไหล่ที่หาเปลี่ยนได้ง่าย

หรือไม่ การปรับเปลี่ยนเพิ่มอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโน้ตบุ๊กทำได้ง่ายหรือไม่ สิ่ง

ต่างๆ เหล่านี้เป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องเรียนรู้ให้มากที่สุดก่อน ตัดสินใจซื้อ


และการดูแลแหล่งพลังงานของโน้ตบุ๊กและปลุกให้กระชุ่มกระชวยตลอดเวลาถือเป็นเรื่องสำคัญ


ถ้าอาหาร คือแหล่งพลังงานของคน แบตเตอรี่ก็คือแหล่งพลังงานของโน้ตบุ๊ก

ดังนั้นจึงควรดูแลแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊กให้ดีเพื่อให้สามารถจ่ายพลังงานให้กับโน้ตบุ๊กต่อการใช้งานครั้งหนึ่งได้นานๆ

ขณะที่บางคนกังวลว่า ควรถอดแบตเตอรี่ออกหรือไม่เวลาต่อโน้ตบุ๊กแล้วใช้พลังไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟ

โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ มีระบบป้องกันแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างดี ทำให้ไม่ต้องกังวลเวลาใช้งานโน้ตบุ๊กที่ใส่แบตเตอรี่

ทิ้งไว้แล้วต่ออะแดปเตอร์กับ ไฟบ้าน


ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับที่เวลาชาร์จไฟแบตเตอรี่เต็มแล้วต้องถอดอะแดปเตอร์ออกไหม ? หายกังวลได้เลย

เพราะแบตเตอรี่รุ่นใหม่ๆ จะมีวงจรที่ช่วยจัดการเรื่องพวกนี้ให้อยู่แล้ว


โดยปกติแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี แต่กับบางยี่ห้อที่ดีๆ ก็อาจยาวนานไปถึง 6 ปี

เลยก็ได้ สำหรับใครที่อยากจะยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ไม่เดี้ยงไปซะก่อน

ครบรอบอายุการใช้งาน มีคำแนะนำดังนี้


อย่างแรก คือ แบตเตอรี่ เป็นพวกไม่ชอบอากาศร้อน เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรเก็บแบตเตอรี่ หรือใช้โน้ตบุ๊ก

ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน โดยอุณหภูมิที่จะช่วยรักษาสภาพของแบตเตอรี่ไว้ได้ยาวนานคือประมาณ

25 องศาเซลเซียส


อันดับต่อมา เวลาที่จะต้องชาร์จแบตเตอรี่ครั้งใหม่ ไม่ควรรอให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วค่อยนำมาชาร์จ

(ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ) ควรชาร์จไฟใหม่ เมื่อมีการใช้งานแบตเตอรี่ไปสัก ครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 50-60%

เพราะจะช่วยไม่ให้เกิดความร้อนสะสมอันเป็นตัวนำมาซึ่งการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่


และควรระมัดระวังการทำแบตเตอรี่หล่นบนพื้นแข็งๆ หรือเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง เพราะจะส่งผล

กระทบต่อการทำงานของแบตเตอรี่ได้ แบตเตอรี่ปลอมก็เป็นอีกสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงและต้องระมัด ระวัง

เพราะนอกจากส่งผลต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแล้ว ยังอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้

งานด้วย เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร การไหม้ หรือระเบิดได้


นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่ผู้ใช้งานโน้ตบุ๊กควรใส่ใจ เพื่อป้องกันปัญหา โดยเฉพาะเรื่อง "ความร้อน"

ซึ่งแทบจะเป็นสาเหตุต่างๆ ของปัญหาระหว่างการใช้งานโน้ตบุ๊กเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการแฮงก์ ค้าง

ไปเฉยๆ ระหว่างการทำงาน


เรื่องของพลังงานที่โน้ตบุ๊กต้องจัดการจ่ายให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่องที่เป็นข้อจำกัด ทำให้ต้องรู้จัก

จัดการเรื่องการใช้พลังงานภายในเครื่องโน้ตบุ๊กอย่างดี เพื่อช่วยให้การทำงานที่ราบรื่นและการยืดอายุ

การใช้งานโน้ตบุ๊กได้อีกด้วย


อย่างเรื่องการแชร์หน่วยความจำเครื่องให้กับหน่วยประมวลผลกราฟิก ควรแชร์ให้เท่าที่ความจำเป็นต่อการ

ใช้งาน ยกตัวอย่าง ใช้โน้ตบุ๊กพิมพ์งานเอกสารทั่วไป เล่นเน็ต ฟังเพลง ก็แชร์แรมไปให้กราฟิกแค่ 8 Mb

ก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าเริ่มดูหนัง เล่นเกมออนไลน์ ก็สัก 16-32 Mb แต่ถ้าเริ่มมีภาพ 3D หรือใช้โปรแกรม

กราฟิกเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้อง 64Mb ขึ้นไป หรืออย่างเวลาไม่ได้ใช้งานฟังก์ชันไร้สายต่างๆ เช่น Wi-Fi,

Bluetooth หรือแม้แต่อินฟราเรด ก็ควรปิดการใช้งานไปซะ จะช่วยลดการใช้พลังงานภายในเครื่องได้อีกเยอะ

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธรุกิจ




สิ่งที่ได้รับจากวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์ ได้รับอะไรหลายอย่างมากมาย ตั้งแต่วันที่ได้เรียนวันแรกจนถึงวันนี้รู้สึกดีใจที่ได้เรียนวิชานี้ วิชาเตรียมฝึกทำให้เราเป็นคนที่ตรงต่อเวลามากขึ้นเพราะไม่กล้ามาสายกลัวว่าจะไม่ได้เข้าห้องเรียนส่วนการเดินทางจากมหาลัยไปตั้งฮั่วเส็งก็ไม่ไกลแต่ขากลับรถติดมากคนก็เยอะด้วยช่วงเย็นๆ แต่ก็เหมือนฝึกความอดทนไปในตัวด้วย วิชานี้สอนให้เรามีระเบียบวินัยแต่งตัวเรียบร้อยถูกต้องตามกฎระเบียบของมหาหาวิทยาลัย ทำให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้นกับงานที่ได้รับมอบหมาย ทำให้เราอยู่ร่วมกับคนอื่นๆได้มี การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันและเราก็สามารถที่จะบริหารจัดการทั้งเวา ลาและงานที่อาจารย์ได้สั่ง ในช่วงเวลาที่นั่งเรียนอยู่ในห้องก็อาจารย์ มาให้ความรู้ที่ดี ๆ และไม่น่าเบื่อทำให้สนุกไปกับการนั่งฟัง บางทีเกิด อาการง่วงนอนอยู่ๆอาจารย์ที่สอนก็เหล่าเรื่อที่ทำให้ทุกคนฟังแล้ว หัวเราะเลยไม่ง่วงนอนทำให้เราสามารถเป็นผู้ฟังที่ดีได้ สิ่งที่อาจารย์ ได้สอนเหมือนกับว่าเป็นการเตรียมความพร้อม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ เจตคติทางด้านต่าง ๆ ก่อนที่จะไปปฏิบัติงานจริง ทำให้เรามีความ พร้อมหลาย ๆ อย่าง รวมถึงด้านบุคลิภาพของตัวเราเองด้วย